- HOME
- > ท่องเที่ยว (ในเมืองมิชิมา)
ท่องเที่ยว (ในเมืองมิชิมา)
ศาลเจ้ามิชิมาไทชะ
ศาลเจ้าที่มีความยิ่งใหญ่ที่สุดในจังหวัดอิซึ มิชิมะ โนะ คะมิ (เทพเจ้าของมิชิมา) หมายถึงเทพเจ้าสองแห่ง ได้แก่ โอะยามาสุนิ โนะ คะมิ (เทพเจ้าแห่งโอะยามาสุนิ) และ ทสุมิฮะนะเอ โคโตะชิโร่ นุชิ โนะ คามิ (เทพเจ้าแห่ง สุมิฮะนะเอ โคโตะชิโร่ นุชิ) โชคร้ายที่ไม่มีข้อมูลถูกบันทึกว่าศาลเจ้าเหล่านี้ได้ก่อสร้างขึ้นเมื่อใด. อย่างไรก็ดี หากนำเรื่องในสมัยโบราณมาอ้างอิง จะพบว่าเมื่อนานมาแล้ว รัฐบาลและประชาชนได้ถือว่าศาลเจ้าแห่งนี้เป็นเหมือนดังจุดกำเนิดของเทพเจ้าในแถบบริเวณใกล้เคียงกับภูเขาไฟฟูจิทั้งหมด. นอกจากนั้นแล้ว ยังมีชื่อเสียงว่าโชกุนชื่อดังที่สุด ซึ่งคือ มินาโมโตะ โนะ โมริโทโมะ ได้เข้านมัสการที่ศาลเจ้าแห่งนี้เพื่อทำนายเกี่ยวกับสงคราม
องค์ประกอบของศาลเจ้าแห่งนี้มีความสมบูรณ์ประกอบไปด้วยส่ิงก่อสร้างที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และวัสดุในการก่อสร้าง เช่น ต้น orange osmanthus ที่มีอายุมากกว่า 1200 ปี และได้รับการคัดเลือกเป็นสมบัติทางธรรมชาติของประเทศ นอกจากนั้น ปราสาทที่ทำจากต้น zelkova ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ
ในฤดูใบไม้ผลิ ศาลเจ้าจะถูกประดับประดาไปด้วยดอกซากุระสายพันธุ์โสเมะโยชิ พันธุ์มิชิมะซากุระ ซึ่งเป็นใหม่ที่ได้รับการผสมขึ้นที่มิชิมา ฤดูร้อนของทุกปี จะมีนักถ่ายภาพจำนวนมากเดินทางมายังศาลเจ้าเพื่อถ่ายภาพซากุระที่สะท้อนลงบนบ่อน้ำชินจิ คุณสามารถชื่นชมความงามของซากุระได้ในตอนกลางคืนด้วย. นักท่่องเที่ยวจำนวนมากได้เดินทางมาเพื่อชมซากุระที่ได้รับติดไฟประดับในตอนกลางคืน. ในเดือนสิงหาคม เทศกาลฤดูร้อนจะถูกจัดขึ้น. เทศกาลนี้เป็นเทศกาลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีความน่าสนใจมากที่สุดในมิชิมาและบริเวณโดยรอบ
พิพิทธภัณท์สมบัติ
สมบัติทางวัฒนธรรมจำนวนมากมายได้ถูกรวบรวมและบางส่วนได้นำออกมาแสดง เช่น Apricot-relief Gold-lacquered Box (กล่องลงทองลายใบไม้ของแอพริคอท) ซึ่งได้รับมอบจากภรรยาของโชกุน ชื่อ มาสาโกะ โฮโจ (เป็นสมบัติของประเทศ) ดาบญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า มุเนะทะดะ (เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ) และ หัวใจของพระสูตรที่เขียนจากหมึกพู่กันโดย โชกุนมินาโมโตะ โน โมะริอิเอะ (เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ)
สวนระคุจุเอ็น
สวนแห่งนี้ได้ถูกสร้างเพื่อเป็นสถานที่พักร้อนของเจ้าชายโคมะสึโนะมิยะ อาคิฮิโกะ สวนแห่งนี้พืชหลากหลายชนิด ต้นไม้มากกว่า 160 ชนิดได้เติบโตขึ้นจากลาวาที่ไหลมาจากภูเขาไฟฟูจิ นอกจากธรรมชาติที่สวยงามแล้ว สวนนี้ยังมีสวนสัตว์ขนาดเล็ก พิพิทธภัณฑ์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของพื้นที่บริเวณนี้ สถานที่สำหรับวิ่งเล่นและพักผ่อนของเด็กๆ และรถไฟหัวจักรไอน้ำที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง นอกจากนั้นแล้ว ยังมีการจัดเทศกาลตามฤดูกาล เช่น เทศกาลดอกเบญจมาศ เป็นต้น ผู้คนหลากหลายวัยอายุได้มาเยี่ยมชมและพักผ่อนที่สวนนี้
แม่น้ำเก็นเบ
ทุกหน้าร้อนของทุกปี หิ่งห้อยจะออกมาบินไปมาตลอดแม่น้ำเก็นเบ. ต้นกำเนิดของแม่น้ำนี้คือหิมะบนภูเขาไฟฟูจิที่ละลาย แม่น้ำนี้ยังคงไหลผ่านสวนระคุจุเอ็น. ในแม่น้ำนี้มีทั้งหินและไม้ที่จะทำให้คุณได้ยินเสียงของฟองน้ำเมื่อเดินในแม่น้ำ
ปราสามยามานากะโจ
ปราสาทยามานากะโจได้ก่อสร้างเพิ่มเพื่อเป็นฐานการป้องกันให้แก่ปราสาทโอดะวาร่า โดยปลายตระกูลโฮโจในช่วงทศวรรษ1560 อย่างไรก็ดี ในปี 1590 ปราสาทแห่งนี้ได้ถูกทำลายอย่างรุนแรงภายในครึ่งวันโดยจำนวนศัตรูมหาศาลที่นำทัพโดย ฮิเดะโยสึ โทโยโทมิ. ปลายปีทศวรรษ 1590 ฮิเดะโยชิ โทโมโทมิได้ประสบความสำเร็จในการรวบรวมอำนาจการปกครองทั้งประเทศญี่ปุ่น
ปราสาทแห่งนี้ได้ถูกนับเป็นหนึ่งในร้อยของปราสาทในประเทศญุี่ปุ่นจากประวัติศาสตร์และวิธีการก่อสร้าง ปราสาทยามานากะโจได้สร้างมาจากดินเหนียว ในขณะที่ปราสาทส่วนใหญ่สร้างมาจากหิน ปราสาทดินเหนียวนี้เป็นการสะท้อนถึงความเป็นเฉพาะตัวของยุคโฮโจ. บ่อโดยรอบโฮจิและบ่อโดยรอบอุเนะเป็นอีกตัวอย่างประเภทหนึ่งของปราสาทดินเดียว.
ในปัจจุบัน ซากของปราสาทยามานากะโจได้รับความนิยมทั้งจากนักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่. เนื่องจากปราสาทตั้งอยู่ครึ่งทางเพื่อเดินทางไปยังภูเขาฮาโกเนะ ความยิ่งใหญ่ของวิวทัศน์ของภูเขาไฟฟูจิและหาดสุรุกะจะสามารถชมได้จากสวนนี้. นอกจากนั้นแล้ว ผักของมิชิมาได้รับการเพาะปลูกในบริเวณต้นเขาของภูเขาฮาโกเนะ คุณสามารถซื้อผักเหล่านี้ได้ในเวลาที่คุณเดินทางกลับเข้าสู่ใจกลางเมือง
พิพิธภัณฑ์ศิลปะซาโนะ
พิพิทธภัณฑ์นี้มีชื่อเสียงจากของเก่าแก่จากทางตะวันออก และศิลปวัตถุ เช่น ดาบญี่ปุ่น เครื่องบรอนซ์ และเซรามิกซ์ ส่ิงของที่นำมาจัดแสดงจะถูกเปลี่ยนไปตามช่วงระยะเวลา. ซึ่งจะทำให้ผู้มาเยือนได้พบกับสิ่งใหม่ๆ ในทุกครั้งที่มาเยือน
สวนริวเสเน็น (ไดัรับการคัดเลือกเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น)
เป็นผลงานชิ้นเองของสถาปัตยกรรมยุคสมัยโชวะตอนต้น ที่ได้ผสมผสานกับสไตล์โชอินและสไตล์สุคิยะ. บรรยากาศที่แสนพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ผลจะทำให้ผู้มาเยี่ยมชมทุกคนรู้สึกผ่อนคลายในบรรยาการอย่างแน่นอน
สวนบ่อน้ำโคโมอิเคะ
ปลาคาร์ฟสีสันส่วยงามได้ว่ายอยู่ในบ่อน้ำโคโมอิเคะซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำซากุระ. ขอเชิญชวนมาพักผ่อนที่เก้าอี้ริมน้ำแห่งนี้
สวนสิระทาคิ และ แม่น้ำซากุระ
บริเวณที่ได้จัดขึ้นใหม่และมีเสียงของน้ำแห่งนี้ได้รับความนิยมตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในฤดูร้อน สวนจะเต็มไปด้วยเด็กๆ ที่เล่นอยู่ในน้ำ คุณสามารถดื่มน้ำใสสะอาดซึ่งละลายมาจากหิมะและไหลมาจาก "เมคุมิ โนะ โคะ" (ต้นเกิดของความอุดมสมบูรณ์)
สถานที่รำลึกทางวรรณคดีตลอดแม่น้ำ
คุณจะได้ชื่นชมกับวิวที่แสนสงบของไอน้ำที่สวยงามในระหว่างอ่านกลอนไฮคุที่เกี่ยวข้องกับมืชืมาซึ่งถูกประพันธ์ขึ้นโดยกวีที่ยื่งใหญ่ของญี่ปุ่น เช่น วากายามะ โบะคะสุย และมาสาโอกะ ชิคิ.
บ้านเกิดของมิชิมา ไบคะโมะ (พืชน้ำมิชิมา)
สามารถเห็นมิชิมะ ไบคะโมะ (พืชน้ำมิชิมา) ได้ที่แม่น้ำเก็นเบ. มิชิมะ ไบคะโมะ หรือมีชื่อทางการว่า Ranunculus nipponicus (Makino) Nakai var.japonicus (Nakai) Hara สามารถเติบโตได้ในแต่น้ำเย็นที่ใสสะอาดเท่านั้น. ที่เรียกว่า "ไบคะโมะ" นั้น เนื่องจากดอกไม้มีลักษณะคล้ายกับดอกพลับสีขาว ที่ญี่ปุ่นเรียนกันว่า ไบคะ. พืชที่มีคุณค่าชนิดนี้ได้ถูกค้นพบครั้งแรกที่บ่อน้ำโคโมมะในสวนระคุจุเอ็น
บ้านของผู้พิมพ์ปฏิทินจันทรคติของมิชิมา
พิพืทธภัณฑ์นี้ได้ปรับปรุงใหม่จากบ้านของตระกูลคะไว ซึ่งเป็นผู้พิมพ์ปฏิทินมิชิมาซึ่งได้เริ่มจากสมัยคามาคุระ. ในพิพิทธภัณฑ์นี้มีบล๊อกแม่พิมพ์ของปฏิทินมิชิมาและข้อมูลอ้างอิงจัดแสดงไว้ และมีหลักสูตรที่คุณจะสามารถเรียนรู้ถึงวิธีการพิมพ์ปฏิทินมิชิมา.
วัดฮกเกจิ
มีการกล่าวขานกันว่า มิยาโมโตะ โน โยริโทโม ได้คัดลอกพระสูตรและถวายพระสูตรนั้นให้แก่วัดแห่งนี้เพื่อเป็นการรื้อฟิ้นตระกูลเกนจิ. พระสูตรได้ถูกฝังอยู่ในเนินดินตามรูปแบบพิธีของในยุคสมัยนั้น. รูปปั้นของพระจิโซได้ถูกนำมาตั้งบนเนินดินนั้นในตอนหลังเพื่อเป็นสัญลักษณ์
ศาลเจ้ามาโดโรมิ
"โมโดโรมิ" หมายถึง "การงีบหลับ" ในภาษาญี่ปุ่น ชื่อของศาลเจ้าแห่งนี้จึงหมายถึง "ศาลเจ้างีบหลับ" เพราะโยริโมโตะได้หลับในใต้ไม้ใหญ่ในศาลเจ้านี้ในระหว่างเดินทางกลับบ้านหลังจากการสวดมนต์ยาวติดต่อกัน 100 วันเพื่อให้ตระกูลเกนจิได้ฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ที่ศาลเจ้ามิชิมะไทชะ
วันโสโทคุอิน
ได้มีการเล่าสิบต่อกันว่า โยริโมโตะได้สวดมนต์เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของเท้าในศาลเจ้าเล็กๆ ในวัดแห่งนี้. ด้วยการเล่าสืบต่อนี้ พระจิโซโบะสะสึจะได้ถูกตั้งขึ้นเสมือนเป็นตัวหลัก. ทั้งนี้ ด้านข้างของรูปตัวหลักนี้ได้มีแบบจำลองของโยริโมโตะที่ทำจากไม้มาวางเรียงไว้ด้วยกัน
ทางเข้าสู่วัดเอ็นเมียวจิ
ฮนจินทั้งสองแห่งได้ถูกนำมาใช้เช่นสถานที่ทำงานสำหรับรัฐบาลในสมัยเอโดะ. ในปัจจุบัน ฮิคุจะโอจินได้ย้ายออกไปและเปลี่ยนหน้าที่เป็นเหมือนประตูเข้าสู่วัด. ประตูเสโกะโฮจินซึ่งเดิมตั้งอยู่ด้านหน้าของฮิคุจิโฮจินได้ย้ายออกไปที่วัดโชเอ็นจิซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
สุสานของโคโคะเคน เหล่าสุนัขที่แสนซื่อสัตย์
นานมาแล้ว แม่สุนัขและลูกสุนัข 5 ตัวได้อาศัยอยู่ใต้พื้นของห้องโถงใหญ่ของวัดเอ็นเมียวจิ. ในวันที่หนาวเย็นวันหนึ่ง ลูกสุนัขที่ตัวเล็กที่สุดได้ตายเพราะไม่สบาย ซึ่งทำให้แม่ของสุนัขได้ล้มป่วยลงเนื่องจากความเศร้าโศกที่สูญเสียลูกของตัวเองไป. ลูกสุนัขที่เหลืออีก 4 ตัวได้แยกย้ายกันและพยายามที่จะดูแลแม่ของตัวเองทุกวันๆ โดยการให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายของแม่และนำอาหารจากคนมาให้. เรื่องราวของลูกสุนัขเหล่านี้ได้สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ที่พบเห็นและกลายเป็นตำนานของเมือง. ถึงแม้จะได้รับการดูแลจากลูกๆ ก็ตาม แม่สุนัขได้ตายในฤดูร้อนของปีถัดไป. ลูกหมาทั้ง 4 ตัวได้เห่าสะท้อนขึ้นไปบนฟ้าและทำให้ผู้คนในเมืองรู้สึกซาบซึ้ง หลังจากนั้นคนในบริเวณนั้นได้พบลูกหมาทั้ง 4 ตัวนอนตายอยู่ใกล้ๆ แม่สุนัข ผู้คนแถวนั้นจึงได้สร้างสุสานขึ้นมาเพื่อเป็นการรำลึกถึงความจงรักภักดีของลูกสุนัข
โบราณสถานฮนจิน
ตามที่ได้มีการให้จัดวางตำรวจในพื้นที่ต่างๆ ของรัฐบาลโทคุกาวะในยุคเอโดะ กลุ่มของขุนนางที่มีศักดินาได้มีหน้าทีเดินทางระหว่างพื้นที่ให้ครอบครองของตัวเองและเอโดะ (หรือโตเกียวในปัจจุบัน) หน้าที่นี้ ซันคินโคไทได้ทำสำเร็จภายใน 1 ปีเพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีแก่โชกุนและราชสำนัก. โบราณสถานโฮจินเป็นสถานที่ที่ขุนนางเคยพักผ่อนและเปลี่ยนม้า. ในมิชิมะจุกุ สถานที่นี้ได้มีชื่อทางการว่าเสโคะฮนจินและฮิคุจิฮนจิน. แม้ว่าในปัจจุบันจะไม่มีสิ่งก่อสร้างหลงเหลืออีกแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงเป็นสถานที่ระลึกถึงประวัติศาสตร์
โทะคิ โนะ คะเนะ (ระฆังแห่งเวลา)
ได้ถูกสร้างขึ้นในช่วงคะเนในยุคสมัยเอโดะ. มีหน้าที่เช่นเดียวกับนาฬืกาที่มีความเก่าแก่โดยตั้งอยู่ที่ไปรษณีย์มิชิมาชูคุ. ปัจจุบัน ได้ถูกใช้เช่นระฆังในวันส่งท้ายปีเก่าเท่านั้น
วัดทามาคาว่า เมียวฮกเคจิ
วัดนี้จะถูกพบได้ว่าอยู่ท่ามกลางความห้อมล้อมจากธรรมขาติของภูเขาฮาโกเนอะ อยู่ไกลจากใจกลางเมืองมิชิมา
ในตอนแรก ได้ถูกสร้างขึ้นที่คามาคุระในยุคสมัยคามาคุระโดยนิชโชโชนิน. ท่านเป็นผู้มีชื่อเสียงในการก่อตั้งลูกศิษย์ในสายนิชิเร็น. ในยุคสมัยเอโดะ วัดได้ย้ายมาสถานที่ในปัจจุบัน
ผู้ชื่อเสียงสามคนได้มีส่วนร่วมในการย้ายวัดแห่งนี้. คนแรกได้แก่ โอมัน โนะ คะทะ หนึ่งในนางสนมของอิเอะยะสุ โทคุคาวะ (ผู้ก่อตั้งรัฐบาลเอโดะ) เธอยังคงเป็นยายของขุนนางชื่อดัง ได้แก่ มิสุคุนิ มิโตะ
คนที่สองได้แก่ โอะคะสิ โนะ คะทะ นางสนมอีกคนของอิเอะยะสุ โทคุคาวะ และคนที่สาม ได้แก่ สุเคะมุเนะ โอตะ ผู้เป็นขุนนางที่ได้บริจาคเงินเพื่อย้ายวัดแห่งนี้
กำแพงโดยรอบที่เรียกว่า เฮียกเก็นเบ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในนามของจุดถ่ายรูป โดยเฉพาะในช่วงที่ดอกซากุระบานในฤดูใบไม้ผล และสีสันในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะได้รับความนิยมเป็นพิเศษ. นอกจากนั้น ผู้เยี่ยมชมสามารถชื่นขมดอกไม้ได้ตลอดทั้งปี สวนที่มีความอลังการแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาด เนื่องจากอยู่ใกล้วัด ที่นี่จึงมีบ้านที่เก็บสมบัติซึ่งคุณจะสามารถชมส่ิงสำคัญทางวัฒนธรรมที่ได้รับการคัดเลือกจากองค์กรนิชิเร็น
- ท่องเที่ยว
- ศูนย์ท่องเที่ยวเมืองมิชิมา
-
- 2-29 Ichiban-cho, Mishima City, Shizuoka Pref.
- โทรศัพท์ 055-971-5000
- แฟกซ์ 055-971-8882
- ติดต่อสอบถามที่่นี่